การล้างแอร์รถญี่ปุ่น เปรียบเสมือนการ “เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง” ของระบบปรับอากาศ เพราะนอกจากจะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การล้างแอร์รถให้สะอาดอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ ยังช่วยให้แอร์เย็นฉ่ำ ประหยัดน้ำมัน และป้องกันปัญหาสุขภาพจากฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่ผู้ขับขี่อาจจำเป็นต้องหายใจตลอดเวลาที่ขับรถด้วย
ทั้งนี้ การล้างแอร์รถญี่ปุ่นก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีรายละเอียดปลีกย่อยและเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป วันนี้เราเลยอยากมาเปรียบเทียบให้ดู 3 วิธี จะมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง มาดูพร้อมกันข้างล่างนี้เลย!
วิธีที่ 1 ล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้
วิธีล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ เป็นวิธีการล้างแอร์รถญี่ปุ่นที่เหมาะสำหรับรถใหม่หรือรถที่ล้างแอร์เป็นประจำทุกปีหรือล้างอย่างสม่ำเสมอ โดยวิธีการล้างแอร์ประเภทนี้ช่างจะใช้เครื่องมือพิเศษฉีดน้ำยาล้างแอร์เข้าไปในตู้แอร์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องถอดตู้แอร์ออกมา
ข้อดี
- สะดวก รวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องต้องถอดตู้แอร์ให้เสียเวลา
- ใช้เวลาแค่ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
- ราคาถูก เริ่มต้นประมาณ 500 บาท
ข้อเสีย
- อาจทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง เนื่องจากไม่ได้ถอดตู้แอร์ออกมาทำความสะอาดอย่างละเอียด
- ไม่สามารถขจัดคราบสกปรกฝังลึกได้
- เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานไม่หนัก
วิธีที่ 2 ล้างแอร์แบบถอดตู้
วิธีล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ เป็นรูปแบบการล้างแอร์รถญี่ปุ่นที่เหมาะสำหรับรถเก่าหรือรถที่ใช้งานหนัก โดยช่างจะถอดตู้แอร์ออกมาล้างทำความสะอาดอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม เนื่องจากรถที่ผ่านการใช้งานมานาน ย่อมสะสมคราบสกปรกฝังลึก ประกอบกับประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะฝุ่น PM2.5 แพร่ระบาดอย่างรุนแรงด้วย ดังนั้น การล้างแอร์ด้วยวิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีกว่าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคราบฝุ่น หรือสิ่งสกปรกตกค้างที่อาจเป็นอันตรายแก่เจ้าของรถที่ใช้แอร์ได้
ข้อดี
- ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง
- ขจัดคราบสกปรกฝังลึกได้ รวมถึงคราบฝุ่นที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้ขับขี่
- เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานหนัก หรือผ่านการใช้งานมานาน
ข้อเสีย
- ใช้เวลานาน ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- ราคาค่อนข้างสูง เริ่มต้นประมาณ 1,500 บาท
วิธีที่ 3 ล้างแอร์แบบใช้น้ำยาโฟม
วิธีล้างแอร์แบบใช้น้ำยาโฟมเป็นวิธีรูปแบบใหม่ที่ใช้โฟมล้างแอร์แทนน้ำยา โดยช่างจะฉีดโฟมล้างแอร์เข้าไปในตู้แอร์ เพื่อให้โฟมขยายตัวและดูดซับคราบสกปรก
ข้อดี
- สะดวก รวดเร็ว
- ใช้เวลาประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
- ราคาปานกลาง เริ่มต้นประมาณ 1,000 บาท
ข้อเสีย
- ประสิทธิภาพการทำความสะอาดอาจไม่ดีเท่าการล้างแบบถอดตู้
- โฟมล้างแอร์บางชนิดอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตราย
จะเห็นได้เลยว่าไม่มีวิธีล้างแอร์รถญี่ปุ่นวิธีไหนที่ดีที่สุด หรือเหมาะสมที่สุด เพราะแต่ละวิธีต่างก็เหมาะกับอายุรถ การใช้งานและงบประมาณที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ก่อนเลือกล้างแอร์ แนะนำให้ตรวจสอบสภาพรถและหาข้อมูลข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีอย่างละเอียดก่อน ก็จะช่วยให้การล้างแอร์คุ้มค่าและไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคตได้