ย่านาง หรือ ใบย่านาง มีชื่อสามัญว่า Bai-ya-nang และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Limacia triandra Miers จัดเป็นพืชวงศ์เดียวกันกับ บอระเพ็ด มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Bamboo grass ในประเทศไทยจะเรียกชื่อต่างๆ กันออกไป เช่นภาคใต้ เรียก ยาดนาง ภาคเหนือเรียก จ้อยนาง ภาคกลางบ้างก็เรียก เถาวัลย์เขียว เถาย่านาง
ภาพจาก : oknation.net – ใบย่านางสมุนไพรไทยมากคุณค่าหาได้ริมรั้ว
ใบย่านาง ถือเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ในการรักษา บรรเทาโรคมากมาย คนไทยนิยมนำใบย่านางมาใช้เป็นเครื่องปรุงรสในการปรุงอาหาร เช่น ซุปหน่อไม้ แกงเลียง แกงหน่อไม้ เป็นต้น
ใบย่านาง คุณค่าทางโภชนาการ
หากนำย่านางจำนวน 100 กรัมมาวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนการ จะได้พลังงานถึง 95 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย เส้นใย 7.9 กรัม, ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม, เหล็ก 7.0 มิลลิกรัม, แคลเซียม 155 มิลลิกรัม, วิตามินเอ 30625 IU, วิตามินบีหนึ่ง 0.03 มิลลิกรัม, วิตามินบีสอง 0.36 มิลลิกรัม, วิตามินซี 141 มิลลิกรัม, โปรตีน 15.5 เปอร์เซนต์, ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังมี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม และ แทนนิน ด้วย
สรพพคุณทางยาของย่านาง
ใบย่านางถือว่าเป็นสมุนไพรมีคุณค่า ที่สามารถรักษาและยรรเทาอาการของโรคต่างๆ ได้มากมาย อาทิ
- ช่วยป้องกันและบำบัดการเกิดโรคหัวใจ
- ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
- สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็ง หากดื่มน้ำใบย่านางเป็นประจำ จะทำให้ก้อนเนื้อมะเร็งจะฝ่อและเล็กลง
- ช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งได้
- ช่วยแก้อาการเจ็บเหมือนมีไฟช็อตหรือมีเข็มแทงหรือมีอาการร้อนเหมือนไฟ
- ช่วยป้องกันและรักษาโรคภูมิแพ้ ไอจาม มีน้ำมูกและเสมหะ
- มีส่วนช่วยช่วยอาการปวดตึง ปวดตามกล้ามเนื้อ ปวดชาบริเวณต่าง ๆ
- ช่วยรักษาอาการของโรคเบาหวาน โดยไปลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ลดลง
- ช่วยรักษาอาการเกร็ง ชัก หรือเป็นตะคริวบ่อย ๆ
- มีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรีย
- ช่วยแก้อาการเหงือกอักเสบอย่างรุนแรงและเรื้อรัง
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
- ช่วยรักษาโรคตับอักเสบ
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคเกาต์
- ช่วยรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษ
- ช่วยรักษาอาการร้อนแต่ไม่มีเหงื่อ
ปกติการนำใบย่านางมาใช้ประโยชน์จะใช้วิธีคั้นน้ำ และเอาไปเป็นส่วนผสมในการทำอาหาร หรือนำมาดื่มเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ มาดูกันดีกว่าว่า น้ำใบย่านางนั้นมีวิธีการทำอย่างไร
วิธีทำน้ำคั้นใบย่านาง ดื่มรักษาโรค
ใช้ใบย่านางสดมาล้างทำความสะอาด และโขลกให้ละเอียด เติมน้ำหรือขยี้ใบย่านางกับน้ำหรือปั่นในเครื่องปั่น หลังจากนั้นนำมากรองน้ำใบย่านางที่ได้ผ่านกระชอนเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ถึง 3 เวลา ก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง (ไม่ควรทิ้งไว้นานเพราะถ้าเกิน 4 ชม. มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว แต่หากแช่ในตู้เย็น ควรใช้ภายใน 3-7 วันโดยให้สังเกตุที่กลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก)
ปัจจุบันยังไม่พบว่าใบย่านางมีโทษต่อร่างกายแต่อย่างไร แต่ก็มีการเตือนว่า ผู้ป่วยในโรคไตระยะสุดท้ายเท่านั้นที่ไม่ควรดื่ม ปัจจุบันมีการนำไปแปรรูปเป็น ใบย่านางแคปซูล สบู่ใบย่านาง แชมพูใบย่านาง เครื่องดื่มสมุนไพร มากมายในท้องตลาด หากใครไม่มีเวลามาคั้นเองก็ลองหาซื้อมาใช้กันได้นะ
