วัคซีนไข้เลือดออกที่ได้รับการรับรองในปัจจุบันสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ฉีดในประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออกสูง อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศอาจมีการกำหนดช่วงอายุที่แตกต่างกันไปตามนโยบายสาธารณสุขของแต่ละประเทศ
สำหรับประเทศไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้เลือดออกในผู้มีอายุ 9-45 ปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคสูง ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาจฉีดวัคซีนไข้เลือดออกในผู้ที่อายุมากกว่า 45 ปี ได้แต่ควรสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการรับวัคซีนเป็นรายกรณีได้
ใครควรได้รับการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
นอกจากการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกตามอายุแล้ว ผู้คนที่เข้าข่ายลักษณะเหล่านี้ก็ควรฉีดวัคซีนด้วยเช่นกัน
- ผู้ที่อาศัยในพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้เลือดออกสูง
- นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรค
- บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง
- ผู้ที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหากติดเชื้อไข้เลือดออก
ข้อควรระวังและข้อห้ามในการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
แม้ว่าวัคซีนไข้เลือดออกจะมีประโยชน์ในการป้องกันโรค แต่ก็มีข้อควรระวังและข้อห้ามสำหรับบางกลุ่มบุคคล ได้แก่:
- ผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนหรือส่วนประกอบของวัคซีนอย่างรุนแรง
- สตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่มีไข้สูงหรือมีการติดเชื้อเฉียบพลัน
ในกรณีเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการฉีดวัคซีน เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับ
การฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
วัคซีนไข้เลือดออกที่ใช้ในปัจจุบันต้องฉีด 3 เข็ม โดยมีระยะห่างระหว่างเข็มดังนี้:
- เข็มที่ 1: เริ่มฉีดครั้งแรก
- เข็มที่ 2: ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน
- เข็มที่ 3: ห่างจากเข็มที่ 2 อีก 6 เดือน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน
โดยทั่วไป วัคซีนไข้เลือดออกมีความปลอดภัยสูง แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยเกิดขึ้นได้ ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 1-2 วัน
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น:
- ปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีด
- ปวดศีรษะ
- ไข้ต่ำ
- อ่อนเพลีย
วัคซีนไข้เลือดออกเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยสามารถฉีดวัคซีนไข้เลือดออกได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป และแนะนำสำหรับผู้ที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงหรือมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อไข้เลือดออก อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และต้องพิจารณาถึงข้อควรระวังและข้อห้ามต่างๆ นอกจากนี้ การป้องกันตนเองจากยุงลายยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะได้รับวัคซีนแล้วก็ตาม การใช้มาตรการป้องกันหลายๆ อย่างร่วมกันจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไข้เลือดออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ