จะเปิดเทอมแล้ว คุณพ่อคุณแม่เริ่มจะต้องปวดหัวกับการที่ต้องปลุกเจ้าตัวน้อยให้ตื่นเร็วขึ้นเพื่อไปโรงเรียน แล้วก็จะเจออาการงอแง ไม่ยอมตื่น ทำเอาคุณพ่อคุณแม่เหนื่อยใจและอาจอารมณ์เสียใส่ลูกอีก ถ้าไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนี้ เรามีจัดระเบียบใหม่ให้กับลูก เพื่อให้พร้อมตื่นเช้าไปโรงเรียนกันคะ
เทคนิคช่วยให้ลูกตื่นเช้า ไม่งอแง
การช่วยให้ลูกตื่นเช้าอย่างสดชื่นและพร้อมไปโรงเรียนหรือทำกิจกรรมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการมีนิสัยตื่นนอนที่ดีสามารถส่งผลต่อสุขภาพจิตและร่างกายของเด็ก รวมถึงประสิทธิภาพในการเรียนรู้และการสร้างวินัยที่ดีในระยะยาวได้
1.กำหนดตารางเวลานอนที่เหมาะสม
การนอนอย่างเพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกสามารถตื่นได้อย่างสดใสในตอนเช้า ควรกำหนดเวลานอนที่แน่นอนและรักษาให้เป็นประจำทุกวัน เด็กในวัยเรียนควรนอนอย่างน้อย 9-11 ชั่วโมง พ่อแม่อาจใช้วิธีสร้างกิจวัตรก่อนนอน เช่น อ่านนิทานหรือฟังเพลงเบาๆ เพื่อช่วยให้เด็กผ่อนคลายและเข้านอนได้เร็วขึ้น
2.สร้างบรรยากาศที่เหมาะสมในห้องนอน
บรรยากาศที่สงบและสะอาดสามารถช่วยให้เด็กหลับสนิทขึ้น ควรปรับแสงไฟให้มืดพอเหมาะและลดเสียงรบกวนจากภายนอก ปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอนเพราะจะทำให้สมองตื่นตัว ส่งผลให้หลับยากขึ้น
3.กระตุ้นการตื่นนอนด้วยวิธีที่นุ่มนวล
การปลุกลูกด้วยเสียงเพลงเบา ๆ หรือเสียงธรรมชาติสามารถช่วยให้เด็กตื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติและอารมณ์ดี การใช้มือสัมผัสเบาๆ หรือการพูดคุยเสียงนุ่มนวลก็เป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นให้ลูกตื่นได้อย่างไม่ตกใจ
4.กระตุ้นให้เด็กอยากตื่นด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจ
การมีเป้าหมายที่น่าตื่นเต้นในตอนเช้า อาจเป็นแรงกระตุ้นที่ดี เช่น การเตรียมอาหารเช้าที่เด็กชอบ การให้เด็กมีส่วนร่วมในการเลือกเสื้อผ้าหรือการเตรียมกิจกรรมที่เด็กอยากทำในตอนเช้า สามารถทำให้เด็กตื่นได้ง่ายขึ้นเพราะมีสิ่งที่รอคอยอยู่
5.เตรียมอาหารเช้าที่มีประโยชน์
อาหารเช้าช่วยให้ร่างกายและสมองตื่นตัว ควรเลือกอาหารที่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่นและตื่นเต็มที่
6.พูดคุยและให้คำชมเมื่อเด็กทำได้
เมื่อลูกสามารถตื่นตรงเวลาได้ พ่อแม่ควรให้คำชมและเสริมแรงด้วยคำพูด เช่น “วันนี้ตื่นได้เร็ว เก่งมากเลย!” การให้คำชมเชยจะทำให้เด็กรู้สึกดีและอยากทำตามต่อไป
การสร้างนิสัยการตื่นเช้าที่ดีอาจต้องใช้เวลาและความอดทน แต่การค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้เด็กสามารถตื่นเช้าอย่างสดใสและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความพร้อม
