รู้งี้ป้องกันนานแล้ว! ฝ้า ภัยร้ายที่คุณต้องรู้

403

ฝ้า ปัญหาที่ทุกคนต้องเผชิญ  สำหรับสาวๆ อีกหนึ่งปัญหาผิวบนใบหน้าที่รบกวนใจ คงไม่พ้น เรื่อง “ ฝ้า ” จากผิวหน้าที่เคยใสกลายเป็นจุดด่างดำขึ้นมาเต็มไปหน้าไปหมด เพราะรอยฝ้า ทำให้ผิวหน้ามีรอยดำ ผิวไม่สม่ำเสมอ  ทำให้ขาดความมั่นใจในชีวิตประจำวัน !

ฝ้าฝ้าที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรานั้นมาจากไหน

ฝ้าเกิดจากการที่เซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนังหรือเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) ทำงานผิดปกติ โดยสาเหตุที่ทำให้เซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกติ ส่วนใหญ่มาจากการที่ได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อรังสี UV ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เนื่องจากเม็ดสีเมลลานินมี  หน้าที่กรองรังสี UV เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย จึงเกิดเป็นฝ้าซึ่งมีลักษณะเป็นสีดำอมน้ำตาล ขึ้นเป็นแถบบนใบหน้า

ฝ้ามีกี่ชนิด?

ฝ้าที่ขึ้นบริเวณใบหน้าของเราแบ่งได้เป็น 4 ชนิดหลักๆ ดังนี้

  • ฝ้าตื้นเกิดจากความผิดปกติบริเวณชั้นหนังกำพร้า (ผิวชั้นนอก) มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลเข้ม ขอบชัด มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็รักษาได้ง่ายเช่นกัน โดยใช้เวลารักษาไม่นานนัก
  • ฝ้าลึกเกิดบริเวณชั้นหนังแท้ ผื่นสีน้ำตาผสมสีเทาเข้ม ขอบไม่ชัดเจน เนื่องจากอยู่ในระดับที่ลึกมาก การรักษาจึงค่อนข้างยาก
  • ฝ้าผสมคือ มีทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกเกิดขึ้นที่ผิวหน้า เป็นชนิดที่พบมากที่สุดในผู้ที่ประสบปัญหาฝ้า
  • ฝ้าที่ไม่สามารถแยกได้ชัดเจนว่าเป็นฝ้าชนิดใดมักพบในผู้ที่สีผิวเข้มมาก เช่น ชาวแอฟริกัน เป็นต้น

การรักษาฝ้ามีวิธีใดบ้าง?

การรักษาฝ้าด้วยยา

โดยส่วนใหญ่แพทย์มักสั่งยาที่มีส่วนประกอบของ กรดวิตามินเอ (Retinoic acid) ทรานีซามิก (Tranexamic acid) หรือไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เนื่องจากมีฤทธิ์ทำให้ผิวขาว และลดอาการอักเสบใต้ผิวหนัง แต่ยากลุ่มนี้มักก่อให้เกิดการระคายเคือง จึงต้องใช้ในปริมาณน้อยและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

ใช้ครีมรักษาฝ้านีเวีย ลูมินัส 630 สปอตเคลียร์ ทรีตเมนท์

นีเวียลูมินัส 630 สปอตเคลียร์ ครีมลดเลือนฝ้าแดด ผ่านการคิดค้นและวิจัยกว่า 10 ปี ด้วยนวัตกรรมจากประเทศเยอรมนี ที่เริ่มต้นจากการสกัดเอนไซม์ไทโรซิเนสจากผิวของคนจริง ๆ เพื่อทำการทดลอง ในขณะที่ครีมตัวอื่นใช้เอนไซม์จากเห็ดในการทดสอบ จนนีเวียได้สาร Luminous 630 โดยสารตัวนี้ของครีมนีเวีย 630 สามารถตรงเข้าไปจัดการกับฝ้าแดดได้ถึงต้นตอ ช่วยให้ฝ้าแดดและจุดด่างดำที่สะสมมานานกว่า 10 ปี ลงอย่างเห็นได้ชัดเจนหลังใช้ 4 สัปดาห์

การรักษาฝ้าด้วยสารเคมี 

วิธีเป็นวิธีการรักษาที่เหมาะกับฝ้าลึก วิธีนี้ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น โดยแพทย์ผู้รักษาจะใช้ กรดไตรครอโรอะซิตริก(Trichloroacetic acid) วิธีนี้สามารถพบอาการแทรกซ้อนหลักการทำ ทั้งด้านการติดเชื้อและแผลรอยดำ ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และบำรุงด้วยครีมที่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังมีวิธีรักษาฝ้าอื่นๆ อีก อาทิ การรักษาด้วยการใช้เลเซอร์/แสง IPL เป็นวิธีการรักษาที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยรักษาฝ้าอย่างรวดเร็วกว่าการทายา และลดผลข้างเคียงจากการรักษาฝ้าด้วยวิธีอื่น ซึ่งการใช้คลื่นความถี่ของแสงยิงลงบริเวณที่เกิดฝ้าใต้ผิวหนังจนเกิดความร้อนที่สามารถทำลายโปรตีนของเม็ดสีผิวที่เกิดขึ้นได้ ทำให้ผิวดูขาวขึ้น แต่ควรทำอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 2 สัปดาห์ เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 2-3 เดือน จะช่วยทำให้เห็นผลการรักษาที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน

Previous articleรวม 5 เทคนิคที่ต้องรู้ก่อนออกแบบกล่องอาหารเสริมให้ปังจนใครก็หันมามอง
Next articleแสบร้อนแบบนี้ไม่ดีแน่ 3 สัญญาณอาการกรดไหลย้อน